จำนวนผู้เข้าใช้งาน ณ ขณะนี้ 6 ราย ระบบค้นหาข้อมูลผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งยังคงประกอบกิจการอยู่ ณ วันที่ 16/4/2565 ระบบค้นหาข้อมูลผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เวอร์ชั่น 3. 3 ค้นหาตาม เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (13 หลัก) สาขาที่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (10 หลัก) ชื่อผู้ประกอบการ ฯ นามสกุล
ลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless) โดยลงทะเบียนเฉพาะครั้งแรกเท่านั้น 2. ผ่านพิธีการนำเข้าสินค้าโดยต้องศึกษาเรื่องพิกัดอัตราภาษีศุลกากรเพิ่มเติมตามแต่ละประเภทของสินค้าที่เรานำเข้ามาด้วย ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย: กรณีร้านมีการจ้างลูกจ้าง มีการเช่าสถานที่ตั้งร้าน หรือจ่ายซื้อแฟรนไชส์ จะต้องมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่ายด้วย 1. การจ้างลูกจ้าง ในกรณีที่เรามีลูกจ้าง เราต้องทำการเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เพื่อนำส่งกรมสรรพากร ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ที่เราจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้าง หรือโบนัส ฯลฯ 2. การจัดหาสถานที่ตั้ง ผู้เช่าที่เป็นนิติบุคคล เมื่อจ่ายค่าเช่ามีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 3. การจ่ายค่าแฟรนไชส์ ผู้จ่ายที่เป็นนิติบุคคลเมื่อจ่ายค่าแฟรนไชส์ให้แก่ผู้รับที่เป็นนิติบุคคล มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย จากเจ้าของแฟรนไชส์ในฐานะเป็นเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ ได้เวลาเปิดร้าน! ภาษีที่เกิดขึ้นมีดังนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม: 1. ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและออกใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อ 2. มีหน้าที่จัดทำรายงานสินค้าและวัตถุดิบ รายงานภาษีขาย รายงานภาษีซื้อ และยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.
ภาษีร้านกาแฟ เกร็ดความรู้น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการร้านกาแฟ หรือท่านที่กำลังวางแผนจะมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองในอนาคต ในวันนี้ เราจะมาเก็บรายละเอียดต่างๆไปด้วยกันค่ะ ปัจจุบันร้านกาแฟสดเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และการเพิ่มขึ้นของจำนวนร้านกาแฟที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ก็เป็นไปได้ที่ในอนาคต "ภาษีร้านกาแฟ" จะกลายมาเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการควรให้ความสนใจ เพื่อไม่ให้เกิดประเด็นทางด้าน "ภาษี" ในอนาคต เมื่อเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟ เราสามารถจดทะเบียนธุรกิจได้ตามรูปแบบของธุรกิจ และสามารถเข้าสู่ระบบภาษีได้ โดยการขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ทั้งนี้กรณีมีเงินได้เกินกว่า 1. 8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย เมื่อซื้อวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการเปิดร้านกาแฟ ภาษีที่เกี่ยวข้องมีดังนี้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม: เมื่อได้รับใบกำกับภาษีจากผู้ขาย ให้เก็บเป็นหลักฐานในการรับรู้รายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ และกรณีเราเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ต้องเก็บเอาไว้เพื่อใช้คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละเดือน กรณีที่เราจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน จะต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อ จัดทำรายงานสินค้าและวัตถุดิบด้วย ภาษีศุลกากร: กรณีมีการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการประกอบธุรกิจ เรามีหน้าที่ต้องยื่นใบขนสินค้าขาเข้า โดยมีขั้นตอนดังนี้คือ 1.
5%: สำหรับร้านที่มีรายได้เกิน 1, 000, 000 บาท แต่วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมใช้ เพราะจะคิดภาษีได้สูงกว่าวิธีอื่น ๆ ทั้งนี้ นอกจากการหักค่าใช้จ่ายแล้ว พ่อค้า-แม่ค้ายังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ด้วย โดยสามารถนำค่าลดหย่อนต่าง ๆ มาหักลบรายได้ แล้วค่อยนำไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อไป โดยยื่นภาษี ภายในวันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคมของปีถัดไป กรณียื่นผ่านออนไลน์จะขยายเวลาไปอีก 8 วัน สรุปก็คือ พ่อค้า-แม่ค้า ทั้งคนมีหน้าร้าน หรือขายของออนไลน์ แม้จะไม่ได้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เราชนะ แต่ถ้าขายของได้ มีรายได้เข้ามาถึงเกณฑ์ ก็ต้องเสียภาษีตามหน้าที่
94 ส่วน ที่เหลือคือกรกฎาคมถึงธันวาคมนั้น ให้เอาไปรวมยื่นแบบคำนวณทั้งปีอีกครั้ง ภายในเดือนมีนาคมของปีถัด การยื่นส่วนนี้แหละที่เรียกว่าภงด. 90 บางท่านอาจจะงง สรุปใหม่ง่ายๆ ว่า 1. ถ้ามีเงินเดือนอย่างเดียว นายจ้างหักภาษีนำส่งให้เราทุกเดือน แล้วเรามีหน้าที่ยื่นแบบภงด. 91 ปีละครั้ง รอบคำนวณคือ ม. ค. – ธ. ยื่นภายใน มี. ปีถัดไป 2. ถ้ามีเงินเดือนและมีรายได้จากการค้าขายด้วย นายจ้างหักภาษีส่วนเงินเดือนนำส่งทุกเดือนเหมือนข้อแรก แต่รายได้จากการค้าขายของเราเองนั้น เรามีหน้าที่ยื่นแบบเองปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกยื่นด้วยแบบ ภงด. 94 รอบคำนวณหกเดือนแรกคือ ม. -มิ. ย. ยื่นภายในเดือนสิ้นเดือน ก. ครั้งที่สองยื่นด้วยแบบ ภงด. 90 รอบคำนวณทั้งปีคือ ม. -ธ. เพื่อนยื่นภายในสิ้นเดือน มี. ของปีถัดไป เมื่อยื่น ภงด. 90 แล้วก็ไม่ต้องยื่น ภงด. 91 อีก 3. ถ้ามีเฉพาะรายได้จากการค้าขาย ก็ยื่นแบบเองปีละ 2 ครั้ง คือ ภงด. 94 และ ภงด. 90 ตามที่ว่าไว้ในข้อ 2 ครับ การค้าขายแบบบุคคลธรรมดา ในทางบัญชีแล้วคือการเสียภาษีต่อกรมสรรพากรด้วยการยื่นแบบ ภงด. 90 และ ภงด.
ทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า "เมื่อมีรายได้จะต้องเสียภาษี" จนชินหู แต่สิ่งที่ทำให้พ่อค้าแม่ค้าหลายคนไม่ได้ทำการยื่นภาษีให้ถูกต้อง เพราะอาจจะยังไม่แน่ใจว่า รายได้ที่ได้รับ หรือ ยอดขายที่มีในแต่ละเดือนนั้นถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีหรือยัง วันนี้ iTAX จะวิเคราะห์ว่า หากมีรายได้จากการขายของเท่านี้ จะต้องเสียภาษีเท่าไหร่? เริ่ม! ต้องรู้ก่อนว่า รายได้จากการขายของ เป็นรายได้ประเภทไหน?